กฎหมายต้องรู้สำหรับ SME ในการยื่นภาษีและงบการเงิน (การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50)
- Thanuwat Khumkainam
- 6 ต.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 8 มิ.ย.
สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในประเทศไทย การปฏิบัติตามกฎหมายด้านภาษีและการยื่นงบการเงินถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ยังป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการละเว้นหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด เรามาดูกันว่ากฎหมายและหน้าที่หลัก ๆ ที่ธุรกิจ SME ต้องปฏิบัติตามในเรื่องภาษีและงบการเงินมีอะไรบ้าง

1. การยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50)
การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50 หรือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี เป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่ทุกธุรกิจ SME ต้องปฏิบัติ โดยจะต้องยื่นแบบนี้ต่อกรมสรรพากรภายใน 150 วัน หลังจากสิ้นสุดรอบบัญชี ซึ่งในแบบฟอร์มนี้จะต้องแจ้งรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิของธุรกิจ เพื่อประเมินภาษีที่ต้องชำระ
สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50 ได้แก่
งบการเงินที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
รายงานกำไรขาดทุน
รายงานฐานะการเงิน (งบดุล)
การยื่นแบบนี้สำคัญเพราะเกี่ยวข้องกับการจ่ายภาษีเงินได้ของธุรกิจ หากไม่ยื่นหรือยื่นล่าช้าอาจมีค่าปรับและดอกเบี้ยตามกฎหมาย
2. การยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
อีกหนึ่งภาระหน้าที่ที่ธุรกิจต้องปฏิบัติเป็นประจำคือการยื่น งบการเงินประจำปี ต่อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) งบการเงินนี้ต้องผ่านการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและยื่นภายใน 5 เดือน หลังจากสิ้นสุดรอบบัญชี
งบการเงินประกอบด้วย:
งบฐานะการเงิน
งบกำไรขาดทุน
งบกระแสเงินสด
หมายเหตุประกอบงบการเงิน
การยื่นงบการเงินมีความสำคัญเนื่องจากเป็นการแสดงสถานะทางการเงินของธุรกิจ และเป็นข้อมูลที่ใช้ประกอบการวิเคราะห์และวางแผนทางธุรกิจ รวมถึงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดเพื่อความโปร่งใสของธุรกิจ
3. การยื่นแบบภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.51)
ธุรกิจ SME ยังต้องยื่น แบบ ภ.ง.ด. 51 หรือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี ซึ่งเป็นการยื่นแบบภาษีครึ่งปีเพื่อแจ้งรายได้และคาดการณ์กำไรในช่วงครึ่งปีแรกของธุรกิจ การยื่นแบบนี้จะต้องทำภายใน 2 เดือน หลังจากสิ้นสุดรอบครึ่งปีบัญชี
4. การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): หากธุรกิจมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และยื่นแบบ ภ.พ. 30 เพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อกรมสรรพากรทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: ทุกครั้งที่ธุรกิจจ่ายเงินให้บุคคลหรือนิติบุคคลที่ให้บริการ จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กำหนด และยื่นแบบ ภ.ง.ด. 3 (สำหรับบุคคลธรรมดา) หรือ ภ.ง.ด. 53 (สำหรับนิติบุคคล) ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
5. การยื่นประกันสังคมรายเดือน
สำหรับธุรกิจที่มีพนักงานจำเป็นต้องยื่นแบบ สปส.1-10 เพื่อแจ้งรายละเอียดการจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง ทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
6. การยื่นภาษีป้าย
ธุรกิจที่มีการติดตั้งป้ายโฆษณาหรือป้ายบริษัทจะต้องยื่นและชำระภาษีป้ายทุกปี โดยยื่นแบบ ภ.ป.1 และชำระเงินภายในเดือนมีนาคมของทุกปี
การปฏิบัติตามกฎหมายด้านภาษีและการยื่นงบการเงินเป็นสิ่งที่ SME ทุกแห่งต้องให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับหน่วยงานราชการ รวมถึงสร้างความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎหมายไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจต่อคู่ค้า นักลงทุน และสถาบันการเงินด้วย
การมีนักบัญชีหรือนักกฎหมายคอยให้คำปรึกษาจะช่วยให้ธุรกิจ SME ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายได้อย่างถูกต้องและทันเวลา
FAQ
ธุรกิจ SME ในประเทศไทยมีหน้าที่หลักอะไรบ้างเกี่ยวกับภาษีและงบการเงิน?
หน้าที่หลัก ๆ ได้แก่ การยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (ภ.ง.ด. 50), การยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า, การยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ..ง.ด. 51), การยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีหัก ณ ที่จ่าย, การยื่นประกันสังคมรายเดือน (สปส.1-10), และการยื่นภาษีป้าย (ภ.ป.1).
การยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50 คืออะไร และเมื่อไหร่ที่ต้องยื่น?
อะไรคือสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 50?
ทำไมธุรกิจ SME ต้องยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า?
งบการเงินประจำปีประกอบด้วยอะไรบ้าง?
แบบ ภ.ง.ด. 51 คืออะไร และเมื่อไหร่ที่ต้องยื่น?
เมื่อไหร่ที่ธุรกิจ SME ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และยื่นแบบ ภ.พ. 30?
ธุรกิจ SME มีหน้าที่อย่างไรเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย?
การมีนักบัญชีหรือนักกฎหมายให้คำปรึกษามีประโยชน์ต่อธุรกิจ SME อย่างไร?