top of page

เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ยังไงไม่ให้เจ็บตัว ปัญหาที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจ

  • รูปภาพนักเขียน: Thanuwat Khumkainam
    Thanuwat Khumkainam
  • 24 ต.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 8 มิ.ย.


เทคนิคการเลือกและวิธีเปลี่ยนสำนักงานบัญชี
เทคนิคการเลือกและวิธีเปลี่ยนสำนักงานบัญชี

ทุกวันนี้ ผู้ประกอบการหลายท่านมักเลือกผู้ให้บริการงานบัญชีที่ราคาถูกที่สุดโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาตามมา เช่น ผู้ทำบัญชีทิ้งงาน ไม่ยื่นงบให้ตามกำหนด หรือแม้แต่ติดต่อไม่ได้ ทำให้ธุรกิจของคุณต้องเผชิญกับความเสียหายทั้งในด้านการเงินและกฎหมาย

ผลกระทบจากการเลือกผู้ให้บริการงานบัญชีที่ไม่ดี

  • ความเสียหายทางการเงิน: การไม่ยื่นงบภาษีอาจทำให้ต้องเสียค่าปรับ ดอกเบี้ย และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

  • ปัญหาทางกฎหมาย: การบันทึกบัญชีที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานภาษี และอาจต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย

  • ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ธุรกิจ: การไม่สามารถนำเสนอข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและทันสมัย อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจ


หากต้องการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี ต้องทำอย่างไรบ้าง

1. ค้นหาสำนักงานบัญชีใหม่ที่เหมาะสม

  • ตรวจสอบประสบการณ์ เลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และประวัติการทำงานที่น่าเชื่อถือ การมีประสบการณ์มากพอจะช่วยให้มั่นใจได้ว่างานบัญชีของคุณจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง

  • สถานที่ตั้งชัดเจน สำนักงานบัญชีที่น่าเชื่อถือควรมีสถานที่ตั้งที่มั่นคงและสามารถเข้าถึงได้จริง หากเกิดปัญหาหรือการทิ้งงาน คุณจะสามารถติดต่อหรือไปยังสำนักงานได้อย่างสะดวก

  • สอบถามถึงบริการ บริการที่ได้รับครอบคลุมความต้องการของธุรกิจคุณหรือไม่

  • ราคาเหมาะสม อย่าเลือกเพียงราคาที่ถูกที่สุด แต่พิจารณาถึงคุณภาพของบริการด้วย

  • ช่องทางการติดต่อหลายช่องทาง ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย และสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา เช่น โทรศัพท์ อีเมล หรือแอปพลิเคชันออนไลน์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการตอบสนองเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น


2. แจ้งสำนักงานบัญชีเก่า

  • แจ้งล่วงหน้า  แจ้งให้สำนักงานบัญชีเก่าทราบล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆ

  • ระบุวันสิ้นสุดสัญญา: กำหนดวันสิ้นสุดการให้บริการที่ชัดเจน

  • ขอเอกสารสำคัญคืน: ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณคืนทั้งหมด เช่น งบการเงิน, บัญชีแยกประเภท, ใบเสร็จรับเงิน, ใบกำกับภาษี เป็นต้น


3. รวบรวมเอกสารสำคัญ

  • เอกสารทางการเงิน งบการเงิน, บัญชีแยกประเภท, ใบเสร็จรับเงิน, ใบกำกับภาษี, สลิปเงินเดือน

  • เอกสารทางภาษี แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล, แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม

  • เอกสารอื่นๆ สัญญาเช่า, สัญญาจ้าง, ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ


4. ส่งมอบข้อมูลให้สำนักงานบัญชีใหม่

  • จัดทำเอกสารให้ครบถ้วน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารทุกฉบับมีความถูกต้องและครบถ้วน

  • อธิบายรายละเอียด อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้สำนักงานบัญชีใหม่เข้าใจ

  • ติดตามความคืบหน้า ติดตามความคืบหน้าในการทำงานของสำนักงานบัญชีใหม่เป็นระยะ


5. เปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อ

  • แจ้งหน่วยงานภาษี แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อกับกรมสรรพากร

  • แจ้งธนาคาร แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อกับธนาคาร

  • แจ้งหน่วยงานอื่นๆ แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


การเปลี่ยนสำนักงานบัญชีอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยาก การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการ เปลี่ยนสำนักงานบัญชี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการงานบัญชีใหม่ที่เชื่อถือได้ iACC Professional พร้อมให้บริการงานบัญชีครบวงจร ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคง


FAQ


ทำไมถึงควรพิจารณาปัจจัยอื่นนอกเหนือจากราคาเมื่อเลือกสำนักงานบัญชี?

การเลือกสำนักงานบัญชีที่ราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ผู้ทำบัญชีทิ้งงาน ไม่ยื่นงบการเงินตามกำหนด หรือติดต่อไม่ได้ ซึ่งส่งผลเสียต่อการเงิน กฎหมาย และภาพลักษณ์ของธุรกิจคุณได้

ผลกระทบของการเลือกสำนักงานบัญชีที่ไม่ดีมีอะไรบ้าง?

ผลกระทบหลักๆ ได้แก่ ความเสียหายทางการเงินจากการเสียค่าปรับและดอกเบี้ยจากการไม่ยื่นงบภาษี, ปัญหาทางกฎหมายจากการบันทึกบัญชีที่ไม่ถูกต้องซึ่งอาจนำไปสู่การตรวจสอบ, และความเสียหายต่อภาพลักษณ์ธุรกิจจากการไม่สามารถนำเสนอข้อมูลทางการเงินที่น่าเชื่อถือได้

หากต้องการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี ควรเริ่มต้นอย่างไร?

ขั้นตอนแรกคือการค้นหาสำนักงานบัญชีใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจคุณ โดยพิจารณาจากประสบการณ์, สถานที่ตั้ง, บริการที่ครอบคลุม, ราคาที่สมเหตุสมผล และช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย

มีเกณฑ์อะไรบ้างในการเลือกสำนักงานบัญชีใหม่?

ประสบการณ์: เลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และประวัติการทำงานที่น่าเชื่อถือ

สถานที่ตั้ง: ควรมีสถานที่ตั้งที่มั่นคงและสามารถติดต่อได้ง่าย

บริการ: ตรวจสอบว่าบริการครอบคลุมความต้องการของธุรกิจคุณหรือไม่

ราคา: อย่าเลือกเพียงราคาถูก แต่ให้พิจารณาคุณภาพของบริการควบคู่กันไปด้วย

ช่องทางการติดต่อ: ควรมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลายและติดต่อได้ตลอดเวลา

เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนสำนักงานบัญชีแล้ว ต้องแจ้งสำนักงานเก่าอย่างไร?

ควรแจ้งสำนักงานบัญชีเก่าล่วงหน้า โดยระบุวันสิ้นสุดสัญญาการให้บริการให้ชัดเจน และขอเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณคืนทั้งหมด เช่น งบการเงิน, บัญชีแยกประเภท, ใบเสร็จรับเงิน, ใบกำกับภาษี เป็นต้น

เอกสารสำคัญที่ต้องรวบรวมเมื่อเปลี่ยนสำนักงานบัญชีมีอะไรบ้าง?

เอกสารทางการเงิน: งบการเงิน, บัญชีแยกประเภท, ใบเสร็จรับเงิน, ใบกำกับภาษี, สลิปเงินเดือน

เอกสารทางภาษี: แบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล, แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม

เอกสารอื่นๆ: สัญญาเช่า, สัญญาจ้าง, ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

หลังจากรวบรวมเอกสารแล้ว ขั้นตอนต่อไปคืออะไร?

ขั้นตอนต่อไปคือการส่งมอบข้อมูลทั้งหมดให้กับสำนักงานบัญชีใหม่ โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารถูกต้องและครบถ้วน อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้สำนักงานบัญชีใหม่เข้าใจ และติดตามความคืบหน้าในการทำงานของพวกเขาเป็นระยะ

เมื่อเปลี่ยนสำนักงานบัญชี ต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อที่ใดบ้าง?

คุณจำเป็นต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลติดต่อกับหน่วยงานภาษี (กรมสรรพากร), ธนาคาร, และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

การวางแผนล่วงหน้าสำคัญอย่างไรต่อการเปลี่ยนสำนักงานบัญชี?

การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการเปลี่ยนสำนักงานบัญชีเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจคุณ


bottom of page